เพราะในรูปถ่ายเรายังอยู่ด้วยกันเสมอ.....
เขายังเป็นยังเป็นคนเดิมตลอดไป
ทฤษฎีรูปภาพมีชีวิต
การที่เรากดชัตเตอร์หนึ่งครั้ง มันคือการบันทึกเสี้ยววินาทีของ กาลเวลา
ซึ่งช่วงเวลาเหล่านั้นจะไม่มีทางเกิดขึ้นอีก......
สมัยพ่อแม่ของเราจะเก็บภาพได้แต่ล่ะภาพนั้น ยากกว่าสมัยนี้มาก
กล่องฟิลม์ ที่กว่าจะล้างออกมา ก็ต้องรอหลายวัน และยังคงราคาแพง
ดังนั้นไม่แปลกใจที่ พ่อแม่ของเราจะเก็บรูปภาพในอัลบัมขนาดใหญ่ และเก็บเอาไว้
ความสำคัญของรูปถ่าย แต่ละใบมันจึงเป็นสิ่งที่ มีค่า ไม่ต้องถามถึงรูปของ
คนในภาพถ่ายเก่าๆนะ
ถึงแม้ว่าสมัยนี้ เราจะมีมือถือ ที่ทันสมัยกดถ่ายเร็ว ปริ้นออกมาเร็ว แถมยังไม่
ต้องหาที่เก็บอีก
ง่ายจริงๆ มันเลยทำให้เราไม่เห็นค่าของรูปถ่ายเหล่านั้น และบางครั้งเราเผล
ลบง่ายเหมือนกัน....
ถ้าคุณอ่านมาถึงตรงนี้ ขอบอกเลยว่าอย่าลบรูปภาพที่คุณถ่ายเลย....จริงๆนะ
เพราะอย่างที่ทุกคนรู้ ชีวิตของเราไม่เคยมีอะไรแน่นอน และถ้าคุณอยู่มานาน
แล้ว คุณจะรู้เลยว่า คนบางคนเข้ามาและออกไป จากไป จางหายไป...
คุณจำวันสุดท้ายของงานปัจฉิมนิเทศได้หรือเปล่า...และวันรับริญาล่ะ? ครั้ง
สุดท้ายมันวันไหน....
และคุณยังจำเพื่อนของคุณได้ไหม...ลองเปิดรูปภาพเก่าพวกนั้นดูซิ เราเชื่อว่า
คุณจะยิ้มออกมาแน่ๆ และมีคำถามขึ้นมาว่า
“พวกมันไปอยู่ไหนกันแล้วว่ะ....”
และเชื่อว่าใครหลายคนคงมีใครบางคน ที่ตอนนี้แค่จะทักทายกัน ก็คงทำไม่ได้
เพราะคนในภาพ กับความสัมพันธ์ ระหว่างกันมันเปลี่ยนไปตามกาลเวลา
แล้ว....
มันน่าแปลกนะที่ชีวิตมีอะไรแปลกๆแบบนี้ คนที่เคยรัก เคยสนิท กันขนาดนั้น
กลับกลาย มาเป็นคนที่ไม่รู้จักกันในปัจจุบัน แต่...ทฤษฏีรูปภาพมีชีวิต ยังคง
เก็บช่วงเวลาที่คุณ กับเขา ยังมีกันและกันไว้ อย่างน้อยๆรอยยิ้ม สายตา ความ
รู้สึก ที่คุณ และเขาเคยมีให้กัน ในรูปภาพยังเป็นความทรงจำ และเป็นความ
จริงใจ จากคุณและเขาเคยมอบให้กัน
ใช่! และภาพถ่ายจะเก็บเราไว้แบบนั้นตลอดไป มันยังคงมีชีวิตของมันในรูป
นั้น และรอยยิ้มเหล่านั้น มันมีค่ากับคุณ และพวกเราเสมอ เชื่อสิ....คุณไม่รู้
หรอกว่า คนที่อยู่ข้างคุณตอนนี้ เขาจะไปไหนไหม เขาจะเปลี่ยนไปไหมในวัน
ข้างหน้า ดังนั้น หยิบมือถือของคุณ ขึ้นมา และกดถ่ายกับเขาไว้ซิ อย่างน้อยๆ
ในภาพ เขายังเป็นของคุณคนเดิมตลอดไป
รักเสมอนะ คนในภาพถ่าย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น